JR คว้างานใหญ่จาก STEC มูลค่า 3,906 ลบ. ดัน Backlog ทำนิวไฮ ทะลัก 7.5 พันลบ. พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญา สำหรับโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงคลองถนน – ถนนรามคำแหง กับ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC มูลค่า 3,906,133,600 บาท โดยบริษัทมีระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1,260 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญาและรับประกัน 2 ปี
“การประมูลงานครั้งนี้ถือว่าเป็นงานขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูง ส่งผลให้บริษัทฯมีงานในมือรอรับรู้รายได้(Backlog) ทำนิวไฮแตะระดับ 7,500 ล้านบาท โดยจะมีการรับรู้รายได้ในระยะยาว 3-5 ปี ขณะเดียวกันบริษัทฯยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปีถึงต้นปีหน้า ยังคงมีงานขนาดใหญ่ออกมาให้ประมูลอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะงานวางระบบไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สำคัญช่วยผลักดันให้ผลงานในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งช่วยให้อนาคตเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด”
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงปี 2566 คาดว่ายังอยู่ในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง เพราะภาพรวมสถานการณ์โดยรวมของประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติ การท่องเที่ยวฟื้นตัวทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคดีขึ้น ขณะเดียวกันภาพรวมของการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้บริษัทฯมีโอกาสที่จะได้รับงานใหม่ที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้การที่บริษัทฯเพิ่มกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจโดยเน้นการเข้าไปประมูลงานในส่วนของลูกค้าประเภทธุรกิจออยล์แอนด์แก๊สให้มากขึ้น เพราะมองเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ เพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้มากขึ้นในระยะยาวจะได้มีความมั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
อนึ่ง ที่ผ่านมาบริษัทฯได้รับงานรื้อย้ายระบบสื่อสารและโทรคมนาคมที่กีดขวางงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สัญญาที่ 1 กับ กิจการร่วมค้า “ซีเคเอสที-พีแอล” และบริษัทได้รับการตอบรับจากกิจการร่วมค้าข้างต้นให้บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินงานดังกล่าว คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 146.59 ล้านบาท(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
รวมทั้งได้งานจากบริษัทขนาดใหญ่ในธุรกิจออยล์แอนด์แก๊ส จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 93 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการ Electrical and Instrument Work for CFP Concurrent Work Project – Package LCO New LCO and Associated Fuel Oil Facilities กับบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 62.13 ล้านบาท โดยบริษัทมีระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 23 เดือน นับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญา
พร้อมกันนี้ยังได้ลงนามในสัญญาสำหรับ โครงการElectrical and Instrument Work for CFP Concurrent Work Project – Package LCO New LCO and Associated Fuel Oil Facilities กับบริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน) หรือ TLB รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 31.77 ล้านบาท โดยบริษัทมีระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 23 เดือน นับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญา
#bidennews #หมาป่าแห่งวอลสตรีท