SNNP มาตามนัด! Q2/66 กำไรสุทธิ New High พุ่งแตะ 157 ลบ. เพิ่มขึ้น 35% บอร์ดใจดีสั่งจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.232 บ./หุ้น
บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) โตไม่ยั้ง!โชว์ผลงาน Q2/66 กวาดรายได้รวมกว่า 1,481 ล้านบาท และ กำไรสุทธิของบริษัทแตะ 157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากงวดเดียวกันปีก่อน ผลจากยอดขายสินค้าคึกคัก และกระแสตอบรับผลิตภัณฑ์ใหม่ดีเยี่ยม บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด อัตรา 0.232 บาทต่อหุ้น พร้อมกำหนดรายชื่อผู้ได้รับสิทธิวันที่ 23 สิงหาคม 2566 นี้ ฟากผู้บริหาร “วิโรจน์ วชิรเดชกุล” ระบุเดินหน้ารับรู้รายได้สินค้าใหม่ มั่นใจผลงานปีนี้โตเข้าเป้า รายได้ทะยานแตะ 6,500 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41 ล้านบาท หรือ 35% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิของบริษัทเท่ากับ 116 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141 ล้านบาท หรือ 11% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 1,339 ล้านบาท
ในขณะที่งวด 6 เดือนของปี 2566 บริษัทฯมีกำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 311 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90 ล้านบาท หรือ 41% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนโดยมีกำไรสุทธิของบริษัทดังกล่าวอยู่ที่ 221 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 2,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 425 ล้านบาท หรือ 17% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 2,483 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาจากการที่ยอดขายของทุกผลิตภัณฑ์มีการเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ “เจเล่” ที่ทำยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา รวมถึงบริษัทฯทยอยออกสินค้าใหม่ ออกวางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีกระแสตอบรับดีเกินคาด
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2566 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.232 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้นประมาณ 223 ล้านบาท และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 23 สิงหาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 กันยายน 2566
การที่ผลดำเนินการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยว ทั้งในด้านคุณภาพและการบริการ ตลอดจนการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สินค้าหลักอย่างเจเล่ และเบนโตะ สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และในช่วงต้นปีบริษัทฯบุกตลาด สร้างแบรนด์ “โลตัส” ให้เป็นอีกหนึ่งขาของฐานธุรกิจที่จะสร้างความแข็งแกร่ง ทำให้มั่นใจว่าภาพรวมทั้งปี 2566 แนวโน้มรายได้ในปีนี้จะพุ่งแตะที่ระดับ 6,500 ล้านบาท
สำหรับ แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯประเมินว่าจะเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากตลาดในประเทศมียอดขายเติบโตได้ตามเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก รวมถึงจะเริ่มรับรู้รรายได้จากยอดขายสินค้าใหม่ที่เปิดตัวช่วงปลายไตรมาส 2/2566 และต้นไตรมาส 3/2566 ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังคงเดินหน้าสร้างการรับรู้ของตราสินค้า สร้างการกระตุ้นการบริโภครวมถึงการออกสินค้าใหม่ เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมาย และช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งปัจจัยดังกล่าว จะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
#bidennews #หมาป่าแห่งวอลสตรีท