3 กูรูแนะนำซื้อหุ้น “LEO” เคาะราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 20-22.50 บ./หุ้น จับตาดีล JV/M&A ครึ่งปีหลัง
บริษัท หลักทรัพย์บัวหลวง เผยแพร่บทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท เนื่องจากมองว่าบริษัทฯ ไม่มีความกังวลในด้านค่าระวางเรือที่ปรับตัวลง เนื่องจากยังคงอยู่ในระดับสูง สามารถทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นได้
ทั้งนี้ เศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลงคาดจะส่งผลต่อ Volume การขนส่งของลูกค้าแต่ละราย แต่ด้วยฐานลูกค้าของบริษัทฯ ที่เติบโตขึ้น จึงทำให้ Volume รวมของบริษัทฯ ยังคงดี อีกทั้ง LEO Self-storage#2 China Town ที่เริ่มเปิดให้บริการแล้ว ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก บริษัทฯ จึงพิจารณาเปิด LEO Self-storage แห่งที่ 3 และ 4 บวกกับธุรกิจ Warehousing Solution ที่พร้อมทำร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ คาดว่าจะเห็นชัดเจนภายใน 2H22
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาและจะขยายไปสู่ธุรกิจ Cold chain logistics และ ธุรกิจกัญชา ที่เป็น Non – Logistics Business โดยจะเห็นความชัดเจนภายในครึ่งปีหลัง รวมไปถึงจะเห็นดีล JV / M&A สำหรับธุรกิจใหม่ๆภายในครึ่งหลังของปีนี้ และการจับมือกับ Yunnan Tengjun จะเป็นปัจจัยสำหรับการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ในปีหน้า โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย
ขณะที่สตอรี่ที่น่าตื่นใจจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการนำเข้าและส่งออก ดีล JV/M&A จำนวนฐานลูกค้าที่เติบโตขึ้นมาก และโอกาสในการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น (แพลตฟอร์ม ZUPPORTS) จะหนุนภาพการเติบโตของ LEO ในระยะยาว
บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงคำแนะนำซื้อหุ้น LEO โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 21 บาท อิงจากข้อมูลครึ่งปีแรกรายได้และกำไรเติบโตมาก 139% และ 134% y-y ที่ 2,985 ล้านบาท และ 190 ล้านบาท ซึ่งกำไรเกือบเท่าปี 2564 ที่มีกำไร 199 ล้านบาท ประกอบกับในครึ่งปีหลังเป็น High Season และการขยายงานตามข้างต้น จึงปรับรายได้ขึ้นเป็น 6,187 ล้านบาท และปรับกำไรขึ้นจากเดิม 43% เป็น 386 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปกติในครึ่งปีหลังจะเป็น High Season ของธุรกิจที่จะมีการนำเข้า/ส่งออกทั้งของไทยและต่างประเทศ ก่อนเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากเทศกาล Global Shopping Sales ของ e-Commerce Platform ทั่วโลก เช่น เดือน ก.ค. มีเทศกาล Prime Day ของ Amazon ซึ่งยอดขายยังมีการเติบโตจากปีก่อน และจีนที่จะมีเทศกาล 9/9, 10/10 และวันคนโสด 11/11 ที่เป็นเทศกาล Shopping Sale ใหญ่ หนุนการขนส่งสินค้า e-Commerce อีกทั้งลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีแรกอีก 385 ราย หรือ 40% จากสิ้น 2Q64 เป็น 1,125 ราย ก็มีส่วนในการเติบโตที่เพิ่มขึ้น, เปิด Self Storage แห่งที่ 2 ที่เยาวราชเรียบร้อยแล้ว, เดือน ก.ย. จะเปิด Container Depot แห่งที่ 2 ใหญ่กว่าแห่งแรกเท่าตัวและบริษัทร่วมทุน คาร์ดินัล มาริไทม์ (ประเทศไทย) ผลประกอบการดีกว่าเป้าที่วางไว้
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาทาง LEO ได้มีการประกาศพันธมิตรในการทำธุรกิจร่วมกัน เช่น SENA ในการทำ Self Storage แห่งที่ 3 ที่เสนาเฟสท์ เจริญนคร และศึกษาการทำแห่งที่ 4 รวมถึงศึกษาการทำ Warehouse และ บริการ Logistic Services อื่นๆ , เข้าถือหุ้น 9.9% ในแซดพีเอสฯ (เครือ SCC) ซึ่งเป็นการให้บริการในดิจิตัลแฟลตฟอร์ม “Zupports” ทำให้การทำงานของ LEO สะดวกและรวดเร็วขึ้น และต่อยอดในการหาลูกค้าซึ่งกันและกัน, ลงนามในสัญญาความร่วมมือกับ Yunnan Tengjun Multimodal Transport Holding รัฐวิสาหกิจของจีน เพื่อพัฒนาระบบบริการรถไฟสำหรับการขนส่งผลไม้และ สินค้าอีคอมเมิร์ซระหว่างไทยและจีน, ร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัยในการ สนับสนุนการเพาะพันธุ์ปลูก-ขายต้นกล้ากัญชา ซึ่งเป็นการเข้าสู่ธุรกิจ Non-Logistics
นอกจากนี้ยังมี การเจรจากับพันธมิตรอีก 2-3 ราย ทั้งบริษัทจดทะเบียนฯและบริษัทข้ามชาติระดับ Regional Player เพื่อตั้ง JV ในการพัฒนาธุรกิจ Warehouse ซึ่งในปี แรกคาดพื้นที่ให้บริการ 10,000 ตรม., Cold Chain Logistics ซึ่งได้มีการเซ็น MOU แล้ว รอเซ็นสัญญาขนาดพื้นที่ 4,000 ตรม. และ Self Storage ซึ่ง ร่วมกับพันธมิตรและดำเนินการด้วยบริษัทเอง รวมถึงหาโอกาสในการ M&A ซึ่งน่าจะเปิดตัวได้ในปีนี้ ส่วนพันธมิตรเดิม China Post ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอีกแห่งของจีนก็จะขยายงานระบบรางระหว่างจีน-ลาว-ไทยให้มากขึ้น
ขณะที่ บริษัท หลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด แนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายไปปี 66 ที่ 20 บาท อิง PER ที่ 20 เท่า ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายอยู่ในระดับต่ำที่ -1.5SD Downside ค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้ LEO ยังคงกำไร All Time High ประเมินจากประกาศกำไร 2Q22 ที่ 100 ล้านบาท +118% YoY, +10% QoQ เติบโตโดดเด่นเป็น New High ของบริษัท แม้ว่าอัตราค่าระวางเรือปรับลดลง และปริมาณขนส่งลดลงเนื่องด้วย เป็นช่วง Low season ก็ตาม แต่ด้วยความแข็งแกร่งของห่วงโซอุปทานของบริษัทฯ ทำให้ยังสามารถรักษาอัตรากำไรได้เป็นอย่างดี
1) รายได้ขนส่งทางเรือลดลงมาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท +165% YoY, -22% QoQ ลดลง QoQ จากอัตราค่าระวางเรือที่ปรับลดลง และปริมาณขนส่งที่ปรับลดง จากช่วง Low season ในขณะที่ Gross Profit ขนส่งทางเรือกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น +152% YoY, +7% QoQ ด้วยความแข็งแกร่งของห่วงโซอุปทานของบริษัท 2) รายได้ขนส่งทางอากาศปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 60 ล้านบาท +14% YoY, +11% ตาม ปริมาณขนส่งทางอากาศที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ได้ปรับประมาณการปี 65-66 ขึ้น เป็น 348 และ 320 ล้านบาทตามลำดับ จาก Gross margin ดีกว่าที่คาดไว้ โดยปรับ Margin ขึ้นเป็น 20-21%
#bidennews #หมาป่าแห่งวอลสตรีท