PLT เคาะราคา IPO 1.55 บาท/หุ้น เตรียมเปิดให้จองซื้อ 19-21 เมษายนนี้ จ่อเข้าเทรดตลาด mai
นายวราวิช ฉิมตะวัน กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีลาทัส มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PLT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) ทางเรือและทางรถ เปิดเผย ว่า บริษัทได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย พร้อมแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
สำหรับเงินที่บริษัทระดมทุนได้จากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปลงทุนซื้อเรือทดแทนเรือที่ถึงกำหนดปลดระวางเพื่อลดอายุเฉลี่ยกองเรือ เพื่อเพิ่มอัตราค่าขนส่งและลดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษา ขยายกองเรือบรรทุกก๊าซ LPG และก๊าซเคมีเหลวเพื่อเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ขนส่งไปยังกลุ่มสินค้าก๊าซเคมีเหลวประเภทผลิตภัณฑ์สายโอเลฟินส์ และขยายช่องทางและเส้นทางการขนส่งสินค้าไปยัง CLMV ขยายกองรถบรรทุกก๊าซ LPG เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต พร้อมติดตั้งระบบ ERP ภายในองค์กร ปรับปรุงลานจอดรถบรรทุกก๊าซ LPG ก่อสร้างโรงซ่อมบำรุงรถบรรทุก และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทและเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ผลประกอบการ 4 ปีก่อนหน้า (ปี 2562 – 2565) บริษัทมีรายได้รวมจากการให้บริการขนส่ง 707.77 ล้านบาท 637.75 ล้านบาท 665.34 ล้านบาท และ 794.16 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้ในปี 2565 เติบโต 17.13% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณการขนส่งทางเรือและทางรถที่เพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์โควิดผ่อนคลายลง และมีกำไรสุทธิ 4 ปีก่อนหน้า เท่ากับ 69 ล้านบาท 35.93 ล้านบาท 55.07 ล้านบาท และ 62.21 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปัจจุบัน สัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจขนส่ง LPG ทางเรือประมาณ 94% และทางรถประมาณ 6%
“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพการลงทุน การพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ การขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ รวมถึงการเดินหน้าหาโอกาสทางธุรกิจใหม่และกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น การให้บริการโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ด้วยคุณภาพการบริการที่ได้มาตรฐานและความปลอดภัยระดับสากล เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการให้บริการขนส่ง LPG ทางเรือและทางรถมานานกว่าทศวรรษ ด้วยจุดแข็งของ PLT ที่มีจำนวนกองเรือขนส่ง LPG มากที่สุดถึง 19 ลำ ขนาดเรือตั้งแต่ 570-900 ตัน และมีอายุเฉลี่ยของกองเรือน้อยที่สุดของประเทศ รวมถึงมีสัญญาระยะยาวกับลูกค้า ซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 รายใหญ่ของประเทศ ส่งผลให้มีรายได้ที่ต่อเนื่อง จึงคาดว่า PLT จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ PLT ในการการต่อยอดความสำเร็จและสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปด้วยกัน” นายวราวิช กล่าว
ขณะที่ นางสาวรัชนี ชาติบัญชาชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้ของ PLT นับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตธุรกิจและความแข็งแกร่งของฐานะการเงินแก่บริษัท สร้างความสำเร็จให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล ในฐานะที่ PLT เป็นบริษัทชั้นนำในการให้บริการขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือและทางรถ ที่มีความแข็งแกร่งด้วยทีมผู้บริหารมากประสบการณ์ บุคคลที่มีความรู้และผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพมากว่า 13 ปี รวมถึงมีจำนวนกองเรือขนส่ง LPG มากที่สุดในประเทศ ทำให้ลูกค้าซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 รายใหญ่ของประเทศ เช่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ไว้วางใจเลือกใช้บริการอย่างต่อเนื่องตลอดมา ทำให้บริษัทมีรายได้ในปี 2562 – 2565 กว่าร้อยละ 70 จากสัญญาระยะยาวจากลูกค้าหลัก ที่มีอัตราค่าขนส่งไม่ผันผวนตามดัชนีค่าระวางเรือเหมือนกับบริษัทเดินเรือทั่วไปที่มีรายได้ขึ้นลงตามตลาดโลก รวมทั้งมีคู่แข่งน้อยรายในอุตสาหกรรมเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูงและต้องมีระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า PLT จะเป็นหุ้นคุณภาพที่เติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมขนก๊าซปิโตรเลียมเหลว ที่ในปัจจุบันมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่มีทิศทางเติบโตอย่างชัดเจนตามการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ รวมถึงราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ก๊าซ LPG มีปริมาณเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้มั่นใจว่า ปี 2566 PLT จะสามารถสร้างการเติบโตและเล็งเห็นถึงโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคต ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน
ด้าน นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า PLT เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 280,000,000 หุ้น พร้อมกำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ หุ้นละ 1.55 บาท จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 19-21 เมษายน 2566 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจ (Sector) บริการ (Service) ภายในเดือนเมษายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “PLT”
โดย PLT ถือเป็นบริษัทระดับแนวหน้าที่มีศักยภาพการเติบโตสูงจากพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้คงการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังรักษาความเป็นผู้นำในการให้บริการขนส่งก๊าซ LPG ทางเรือและทางรถของประเทศ จากลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทที่ให้บริการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทางเรือเป็นหลัก จึงเห็นได้ว่าธุรกิจของบริษัทมีความแตกต่างจากบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจขนส่งทางเรือประเภท เรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง (Dry Bulk Carrier) หรือเรือบรรทุกสินค้าบรรจุตู้ (Container Vessel) หรือเรือขนส่งสินค้าเหลว (Liquid Tanker) โดยสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน
โดยการขนส่ง LPG ซึ่งมีระดับความอันตรายในการขนส่งสูง ต้องมีขั้นตอนกระบวนการขนส่งที่อาศัยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและผลงานที่ต้องได้มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับ จากลูกค้าคู่ค้า และมีเม็ดเงินลงทุนที่สูง ส่งผลให้มีผู้เล่นในอุตสาหกรรมน้อยราย และมีการแข่งขันไม่สูง โดยการเติบโตของอุตสาหกรรมเป็นไปตามความต้องการก๊าซหุงต้มที่ใช้ในครัวเรือนและในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก
นอกจากนี้การกำหนดอัตราค่าขนส่งของบริษัทมีสูตรการคิดอัตราค่าขนส่งเฉพาะซึ่งอาจแปรผันตามราคาน้ำมันที่สถานีบริการในประเทศส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้อ้างอิงดัชนีราคาขนส่งตามกลไกของดัชนีค่าขนส่งสินค้าโภคภัณฑ์ตามราคาตลาดโลกซึ่งมีความผันผวนสูง จึงมีความแตกต่างจากบริษัทขนส่งทางเรือที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
โดยหากพิจารณาบริษัทที่ดำเนินธุรกิจขนส่งทางเรือที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พบว่าบริษัทส่วนใหญ่เป็นการขนส่งสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ที่มีราคาผันผวนไปตามราคาตลาดโลกและมีการคิดอัตราค่าขนส่งตามดัชนีราคาขนส่งที่แปรผันไปตามกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นจึงไม่มีบริษัทที่สามารถนำมาเปรียบเทียบในการประเมินราคาได้
สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 1.55 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน สอดคล้องกับสภาวะของตลาดในปัจจุบัน และอัตราการเติบโตของบริษัทในอนาคต โดยราคาเสนอขาย คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ประมาณ 23.92 เท่า ทั้งนี้ PLT พิจารณานำ P/E ของคู่เทียบในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และหมวดธุรกิจบริการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai: Service) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินราคาหุ้นที่เสนอขาย โดยมี P/E เฉลี่ยเท่ากับ 46.91 เท่า
#bidennews #หมาป่าแห่งวอลสตรีท