STP เทรดวันแรก ในตลาด mai ชูหุ้นแพ็คเก็จจิ้งน้องใหม่เติบโตแรง
บมจ. สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ ผู้ผลิตและให้บริการการพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 14 มิ.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,800 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “STP”
นายสุรนัย โรจน์วงศ์จรัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (STP) เปิดเผยว่า บริษัทมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจการพิมพ์บรรจุภัณฑ์มานานกว่า 50 ปี เน้นการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยคุณภาพ บริการ และกระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐานสากล จึงได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้าตลอดมา สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ลงทุนในการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
ด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ STP จำนวน 6 บริษัทหลักทรัพย์ ได้ประเมินราคาพื้นฐานของ STP อยู่ที่ 20.40 – 24.25 บาทต่อหุ้น โดยระบุว่า STP มีศักยภาพการเติบโตสูงจากการเป็นผู้ผลิตงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์คุณภาพพรีเมียม โดยการเติบโตของการซื้อขายรูปแบบ e-commerce และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโต ช่วยเพิ่มโอกาสให้ STP ในฐานะผู้รับพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด ให้บริการตั้งแต่พัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์ ครอบคลุมไปจนถึงบริการหลังการพิมพ์ต่างๆ เช่น การเคลือบยูวี การปั้มฟอยล์ทอง การปั๊มฟอยล์เงิน การประกบลูกฟูก และการไดคัท STP พร้อมเข้าระดมทุนในตลาด mai เพื่อนำเงินไปสร้างอาคารโรงงานและขยายกำลังการผลิต ผลักดันกำไรปี 2565 – 2567 เติบโตเฉลี่ยปีละ 9.4%
STP เป็นผู้ผลิตและให้บริการรับพิมพ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ มีผลิตภัณฑ์หลัก 2 ประเภท ได้แก่ กล่องกระดาษออฟเซ็ทแบบประกบฟูกและแบบไม่ประกบฟูก โดยให้บริการตั้งแต่การพัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์ การจัดทำเพลทที่มีคุณภาพสูง การพิมพ์งานสูงสุดสี พร้อมกับมีบริการหลังพิมพ์ต่างๆ เช่น การเคลือบยูวี การปั๊มฟอยล์ทอง การปั๊มฟอยล์เงิน การประกบลูกฟูก การไดคัทระดมทุน IPO เพื่อสร้างโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตจากปัจจุบัน 49.7 ล้านแผ่นพิมพ์ต่อปี เป็น 74.55 ล้านแผ่นพิมพ์ต่อปี ภายในปี 2566 คิดเป็นกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 50% เงินส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ภายใต้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนกำไรปี 2565-67 เติบโตเฉลี่ยปีละ 9.4% และมีศักยภาพการจ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่องตามนโยบายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
#bidennews #หมาป่าแห่งวอลสตรีท