หมาป่าแห่งวอลล์สตรีท

ครบทุกตัวหุ้นดัง กับ พี่หมาป่าแห่งวอลสตรีท 26 เมษายน 2567

PTG ดัน บ.ย่อย “โกลัค” ปั้น “ซับเวย์” ขึ้นแท่น TOP 3 ตลาด QSR

PTG ประกาศดันบริษัทย่อย “โกลัค” เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) หลังได้รับสิทธิ์ “มาสเตอร์ แฟรนไชส์ ซับเวย์” ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว ล่าสุด เตรียมเปิดร้านซับเวย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “Fresh Forward 2.0” แห่งแรกในเอเชีย พร้อมเสริฟความสดใหม่ ภายใต้แนวคิด “Eat Fresh, Feel Good” ด้วยวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม พร้อมขยายช่องทาง “ไดรฟ์ทรู” และ Digital Platform & CRM ผ่าน Max World Ecosystem ที่แข็งแกร่งของ PTG จากฐานลูกค้าสมาชิกบัตร PT Max Card ที่มีมากกว่า 21 ล้านสมาชิก เพื่อขยายฐานลูกค้า ปักธงขึ้นแท่น TOP 3 ตลาด QSR ในไทยภายใน 3 ปี ตั้งเป้าขยายสาขามากกว่า 500 สาขา ทั่วประเทศใน 10 ปี

———-

LEO The Road to Green Logistics

LEO ประกาศศักดา! โชว์ศักยภาพผู้นำโลจิสติกส์ ขนส่งและกระจายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จัดงานอบรม The Road to Green Logistics & Carbon Emission Reduction Logistics หลักสูตร “การวัดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์/บริการ” เพื่อให้ผู้บริหารและพนักงานเข้าใจในหลักการ ISO 14067 เตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก ภายใต้ Carbon Statement จากกิจกรรมโลจิสติกส์ และพร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ได้ในอนาคต

———-

NAT ผนึก NT ลงนาม MOU เข้ารับงานมูลค่ากว่า 80 ลบ.

NAT ผนึก NT ลงนามสัญญาความร่วมมือ เข้ารับงานบริการอุปกรณ์และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มูลค่า 80.36 ลบ. พร้อมขยายศักยภาพการเข้ารับงานภาครัฐและเอกชน สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ฟาก “นายสุธี” แม่ทัพใหญ่ลั่น! บริษัทมีแผนการเข้าประมูลงานโดยมุ่งเน้นการขยายศักยภาพการเข้ารับงานทั้งภาครัฐและเอกชนในโครงการที่มีขนาดใหญ่และมีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง

———-

STX ได้ฤกษ์เทรด 26 เม.ย.นี้

บมจ.สโตนวัน หรือ “STX” ธุรกิจเหมืองหิน-แร่ รายแรกในตลาดหุ้นไทย พร้อมนำหุ้นเข้าเทรด mai วันแรก 26 เม.ย.นี้ หลังระดมทุนเพื่อขยายแหล่งวัตถุดิบและการผลิตแร่ ด้าน บล.ไอ วี โกลบอล ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ STX เท่ากับ 3.40 บาท โดยคาดว่ากำไรสุทธิในอีก 3 ปี ข้างหน้า (2567-69) จะเติบโตเฉลี่ย CAGR +27% จากรายได้ ที่เติบโตเฉลี่ย CAGR + 10.6% หนุนจาก 1. ตามแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างทั้งภาครัฐขนาดใหญ่ และภาคเอกชน 2. กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการลงทนเหมืองใหม่ ภายหลังจากที่ได้รับเงินลงทุนจาก IPO โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้ายได้จากเหมืองใหม่ในปลายปี 68

———-

Related Articles

Back to top button